ธปท.วิ่งสู้ฟัดสกัดโจรออนไลน์ ออกกฎเข้ม! โอนเงินทางมือถือเกิน 5 หมื่นต้องสแกนใบหน้า

แบงก์ชาติออกชุดมาตรการปราบภัยทุจริตทางการเงิน ห้ามแบงก์ส่ง SMS อีเมล

และงดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญของลูกค้า ใช้ 1 โมบายแบงกิ้ง ต่อ 1 อุปกรณ์ โอนเงินเกิน 50,000 บาท ต้องสแกนใบหน้า แยกสายด่วนรับเรื่องภัยการเงินต้องมีคนรับสาย 24 ชม. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ติดตามปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยไม่ได้นิ่งนอนใจ จากที่กำลังมีภัยทุจริตทางการเงินยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหา และออกชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ดูแลตลอดเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงิน กำหนดเป็นแนวปฏิบัติขั้นต่ำให้สถาบันการเงินทุกแห่งปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยคาดหวังที่จะทำให้อาชญากรรมไซเบอร์ลดลงได้ ยกระดับความปลอดภัยและความมั่นใจในการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น

ด้าน น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า ชุดมาตรการ แบ่งเป็น 3 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย 1.มาตรการปิดช่องทางมิจฉาชีพเข้าถึงประชาชน 7 ข้อ คือ 1.ให้สถาบันการเงินงดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล 2.ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดกั้น SMS และเบอร์คอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างเป็นธนาคาร รวมทั้งปิดเว็บไซต์หลอกลวง 3. จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งานโมบายแบงกิ้งให้ใช้ได้ 1 อุปกรณ์เท่านั้น เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพใช้อุปกรณ์อื่นทำธุรกรรมทางการเงินแทน

4. สถาบันการเงินต้องแจ้งเตือนผู้ใช้โมบาย แบงกิ้งก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง เพื่อสะกิดเตือนลูกค้าให้นึกถึงความเสี่ยง 5.พัฒนาระบบความปลอดภัยบนโมบายแบงกิ้งให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่ตลอดเวลา 6.ยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำ ด้วยการให้สแกนใบหน้า กรณีขอเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร หรือโอนเงินทางโมบายแบงกิ้ง มากกว่า 50,000 บาท หรือ การปรับเพิ่มวงเงินต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป นอกจากนี้ จะกำหนดเพดานวงเงินถอน/โอนสูงสุดต่อวันตามระดับความเสี่ยงของผู้ใช้บริการ เช่น ลูกค้าปกติไม่เกิน 200,000 บาทต่อวัน ขณะที่กลุ่มเปราะบาง เช่นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน โดยลูกค้าขอปรับได้ และต้องยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด

สำหรับมาตรการที่ 2 เป็นการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย เพื่อช่วยจำกัดความเสียหายได้เร็วขึ้น และลดการใช้บัญชีม้า 3 ข้อ 1.ธปท.จะกำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้สถาบันการเงินรายงานไปสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 2.สถาบันการเงินต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราว 3.จัดให้มีช่องทางแจ้งความออนไลน์

เศรษฐกิจ-ธปท.

มาตรการที่ 3 มาตรการตอบสนองและรับมือเพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น 3 ข้อ คือ 1.ให้สถาบันการเงินทุกแห่งมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (ฮอตไลน์) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ และไม่ใช่การติดต่อกับ AI 2.ธนาคารต้องสนับสนุนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามหาสาเหตุและผู้กระทำผิด รวมทั้งติดตามเงินของลูกค้า 3.ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันการเงิน โดยการคืนเงินเป็นกรณีๆ อย่างไรก็ตาม การอายัดบัญชีได้ทันที และการกำหนดโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบัญชีม้าที่ชัดเจน ต้องรอให้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านสภาก่อน

นายภิญโญ ตรีเพชราภรณ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธปท. กล่าวว่า ในปี 2565 ความเสียหายผ่านโมบายแบงกิ้ง คิดเป็นมูลค่า 274.39 ล้านบาท ความเสียหายจากแอปดูดเงิน 500 ล้านบาท นอกจากนั้น จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 มี.ค.2565 พบการหลอกให้ซื้อสินค้าออนไลน์กว่า 50,000 รายการ หลอกลวงให้โอนเงิน 20,000 กว่ารายการ หลอกให้กู้เงินกว่า 18,000 รายการ ความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 13,000 คดี คิดเป็นวงเงิน 2,600 กว่าล้านบาท มีการขออายัดบัญชีม้า 58,000 บัญชี วงเงิน 5,500 ล้านบาท

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ดาวโจนส์ฟิวเจอร์นิ่ง ก่อนเผยตัวเลขเงินเฟ้อคืนนี้

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์นิ่ง ก่อนเผยตัวเลขเงินเฟ้อคืนนี้

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับ ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในคืนนี้ ณ เวลา 18.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 1 จุด สู่ระดับ 34,111 จุด

ตลาดจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวจะบ่งชี้ภาวะชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ

ข่าวธุรกิจ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนพ.ย.

นักวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในคืนนี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปียังคงอยู่ในระดับสูง

“เรายินดีต้อนรับตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ซึ่งถือเป็นข่าวดี แต่ก็ยังไม่เพียงพอ” นางไดแอน สวองค์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก KPMG กล่าว

“เฟดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตห่วงโซ่อุปทานรอบสอง โดยอาจเกิดจากจีนหรือรัสเซีย ทำให้เฟดยังไม่ต้องการประกาศชัยชนะเร็วเกินไป ซึ่งเฟดได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ขณะที่เฟดมีมุมมองแตกต่างจากตลาด โดยมองว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้” นางสวองค์กล่าว

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก ข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติม>>> คาดแนวโน้มราคาทองแกว่งตัวแบบ Sideway Up

คาดแนวโน้มราคาทองแกว่งตัวแบบ Sideway Up

คาดแนวโน้มราคาทองแกว่งตัวแบบ Sideway Up

ราคาแกว่งแคบ ทำให้คาดการณ์ทิศทางไม่ได้ และเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาในประเทศไม่น่าไปไหนได้

บทวิเคราะห์ราคาทอง บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด รายงานว่า ราคาทองคำ Spot ทรงตัวนิ่งในช่วงแคบๆ เนื่องจากตลาดฝั่งตะวันตกปิดทำการกันเนื่องในวันคริสต์มาส แต่อย่างไรก็ดี เช้านี้ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียปรับบวกขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอันเนื่องมาจากความรุนแรงของสภาพอากาศที่เย็นจัดในสหรัฐจนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ SPDR Gold Trust ไม่เปลี่ยนแปลงยอดสุทธิ โดยยังคงถือครองทองคำ 913.01 ตัน

เศรษฐกิจ

วันนี้สหรัฐจะรายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัยประจำเดือน ต.ค. จากฐานข้อมูลทั่วประเทศและเฉพาะในเขต 20 เมืองสำคัญ โดยคาดว่าจะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งสะท้อนถึงภาพอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว

แนวโน้มราคาทอง Gold Spot ทำท่าว่าจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีเส้น EMA 20 วัน ที่ยกตัวขึ้นสนับสนุนให้แกว่งแบบ Sideway Up ต่อไป ทำให้การซื้อเก็งกำไรระยะสั้นมีความได้เปรียบกว่า แต่ด้วยค่าเงินบาทที่มีโอกาสจะหลุดแนวรับ จึงอาจทำให้ราคาทองคำในประเทศแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ และไม่ได้แกว่งสูงขึ้นตามราคาทองคำ Spot

แนะนำข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติม : ค่าเงินบาทวันนี้ 12/9/65 เปิดที่ระดับ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ พลิกอ่อนค่า

ค่าเงินบาทวันนี้ 12/9/65 เปิดที่ระดับ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ พลิกอ่อนค่า

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12/9/65 เปิดที่ระดับ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ พลิกอ่อนค่า จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 36.30 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางเงินดอลลาร์ ทว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเริ่มเห็นการกลับเข้ามาซื้อหุ้นและบอนด์ในท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้ง หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นได้ โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง

ทั้งนี้ คงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้หรือแกว่งตัว Sideways ในระยะสั้น หลังสัญญาณเชิงเทคนิคัล “Bearish Divergence” ของ RSI มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในกราฟค่าเงินบาทหลายกรอบเวลา (Time Frame) ทั้งกราฟเงินบาท รายวัน (Daily) รายสัปดาห์ (Weekly) และรายเดือน (Monthly)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น มองว่า ตลาดได้รับรู้แนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว (ตลาดมองโอกาสเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ในเดือนกันยายน สูงกว่า 90% จาก CME  ทำให้เงินดอลลาร์อาจผันผวนตามภาวะตลาดการเงิน โดยเงินดอลลาร์อาจยังได้แรงหนุน หากตลาดปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนักหรือความกังวลวิกฤตพลังงานยุโรป ทว่าหากตลาดเปิดรับความเสี่ยงหรือเริ่มมองว่า เฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงต่อ ก็อาจกดดันเงินดอลลาร์ได้ อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนเงินดอลลาร์ในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.00-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.50 บาทต่อดอลลาร์