ฟอสฟาติดิลโคลีน ดีต่อเด็กอย่างไร

ความเข้าใจในเรื่องโภชนาการสำหรับเด็กนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่

ที่จะเลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตได้ดี ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสมอง เพื่อให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

เด็กในแต่ละช่วงวัยจะมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การให้อาหารกับเด็กในแต่ละช่วงวัยจึงต้องให้อย่างเหมาะสม โดยเด็กนั้นต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน ทั้ง คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันวิตามิน และแร่ธาตุ หรือเกลือแร่ชนิดต่างๆ นอกจากนั้นแล้ว การได้รับสารสำคัญอื่นๆ เพื่อการพัฒนาส่วนต่างๆ ของร่างกายก็มีความสำคัญเช่นกัน ตัวหนึ่งที่อยากกล่าวถึงในที่นี้คือ ฟอสฟาติดิลโคลีน (phosphatidylcholine)

ฟอสฟาติดิลโคลีนเป็นฟอสโฟลิพิด (phospholipid) ตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า เลซิติน (lecithin) นั่นเอง นอกเหนือจากฟอสฟาติดิลโคลีนแล้ว เลซิตินยังประกอบไปด้วยฟอสโฟลิพิดชนิดอื่นๆ อีก นั่นคือ ฟอสฟาทิดิล เอทาโนลามีน (phosphatidyl ethanolamine) ฟอสฟาทิดิล อิโนซิตอล (phosphatidyl inositol) และกรดฟอสฟาทิดิก(phosphatidic acid) ฟอสโฟลิพิดดังกล่าวนั้นเป็นส่วนประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ ในร่างกายทั้งในพืชและสัตว์

ในการสังเคราะห์ฟอสฟาติดิลโคลีนจำเป็นต้องใช้โคลีน ซึ่งโคลีนนี้จัดเป็นสารอาหารสำคัญที่จำเป็นจะต้องได้จากอาหาร สำหรับร่างกายจะนำไปใช้ในการสร้างสารสื่อประสาท (Neurotransmitters) ที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่จะช่วยในการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมองแต่ละเซลล์ ช่วยกระตุ้นการตื่นตัว ความจำ สมาธิ ความสนใจการตัดสินใจ และการสั่งงานไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้แสดงพฤติกรรมต่างๆ ได้ การขาดโคลีนหรือสารอะซีติลโคลีนจะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้และความจำลดลงได้

ข่าวอื่นๆ ยอดฉีดวัคซีนวันนี้ ฉีดได้เพิ่ม 1.4 แสนโดส แนะเด็กเล็ก-อายุ 60 ปีขึ้นไป รีบมาฉีด

ยอดฉีดวัคซีนวันนี้ ฉีดได้เพิ่ม 1.4 แสนโดส แนะเด็กเล็ก-อายุ 60 ปีขึ้นไป รีบมาฉีด

ศบค. รายงานยอดฉีดวัคซีนวันนี้ สะสมแล้ว 134,175,785 โดส มีผู้เข้ารับวัคซีนรายใหม่วานนี้เพิ่ม 144,809 โดส แนะเด็กเล็ก กลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รีบไปฉีดวัคซีน

วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยผลการฉีดวัคซีน วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 มีรายละเอียดดังนี้

ผู้เข้ารับวัคซีนรายใหม่ 144,809 โดส แบ่งเป็น

เข็มที่ 1 จำนวน 17,808 ราย
เข็มที่ 2 จำนวน 47,584 ราย
เข็มที่ 3 จำนวน 79,417 ราย

เด็ก.jpg3

ส่วนยอดการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2564-4 พ.ค. 2565 รวมสะสมอยู่ที่ 134,175,785 โดส

เข็มที่ 1 สะสมแล้ว 56,343,422 ราย คิดเป็น 81.0% ของประชากร
เข็มที่ 2 สะสมแล้ว 51,447,253 ราย คิดเป็น 74.0% ของประชากร
เข็มที่ 3 สะสมแล้ว 26,385,110 ราย คิดเป็น 37.9% ของประชากร

พญ.สุมนี ยังกล่าวถึงกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับวัคซีน คือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รับวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว 5,303,655 ราย หรือ 41.7% ซึ่งยังมีความจำเป็นในการรณรงค์ให้บุตรหลานรีบพาไปฉีดวัคซีน เนื่องจากเป้าหมาย อยู่ที่ 60% ขึ้นไป ขณะที่กลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จากข้อมูลพบว่าผู้ป่วยเด็กยังมีถึง 14% และยังมีรายงานมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ไปรับวัคซีน เนื่องจากมีการฉีดเข็มที่ 2 เพียง 14.2% โดยถือว่ายังน้อยอยู่มาก