“เบทาโกร” สลัดภาพธุรกิจครอบครัว ทรานส์ฟอร์มสู่ ‘World Branded’ เบอร์ต้นของอาเซียน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2510 “เบทาโกร” ได้ถือกำเนิดครั้งแรกจากการปลุกปั้นของ “ดร.ชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์”

เริ่มจากการดำเนินธุรกิจในภาคเกษตรอุตสาหกรรม สร้างรากฐานแข็งแกร่ง ทำให้เบทาโกรแตกแขนงธุรกิจจนครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจเกษตร, ธุรกิจอาหารและโปรตีน, ธุรกิจต่างประเทศ และธุรกิจสัตว์เลี้ยง มีบริษัทในเครือกว่า 30 แห่ง ทำรายได้เฉียดปีละแสนล้านบาท

ปัจจุบันเบทาโกรมุ่งเข้าสู่ปี 55 และได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเปิดการซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา “การเงินธนาคาร” สัมภาษณ์พิเศษ “วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบทาโกร และหัวเรือสำคัญรุ่นที่ 2 ถอด DNA ทรานส์ฟอร์มองค์กรเข้าสู่การเติบโตระดับโกลบอล

วสิษฐ เริ่มต้นบทสนทนาผ่านการฉายภาพรวมธุรกิจว่า เบทาโกรเริ่มต้นจากการทำอาหารสัตว์ ตั้งโรงงานที่พระประแดง จ.สมุทรปราการ ก่อนเวลาต่อมาจะขยับขยายธุรกิจสู่การทำไก่ส่งออกต่างประเทศ

ข่าวธุรกิจวันนี้

ทว่าด้วยการแข่งขันสูง ทำให้เบทาโกรสร้างจุดต่าง ทรานส์ฟอร์มตนเองมาสู่วงจรการแปรรูปไก่ สุกร โดยโฟกัสการทำแบรนด์จับตลาดผ่านการสร้างโปรดักส์ของบริษัทเอง เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ภายใต้แบรนด์ อาทิ เบทาโกร (Betago) เอสเพียว (S-Pure) ITOHAM บี-ฟู้ดส์

“ก่อนหน้านี้เรามองตัวเองเหมือนบริษัทส่งออกไก่และเกษตร แต่เบทาโกรเชื่อว่าเรามีขีดความสามารถมากกว่านั้น เราจึงหันโฟกัสการสร้างแบรนด์ และช่องทางการจัดจำหน่ายให้แข็งแกร่ง จนเกิดเบทาโกรช็อปมากกว่า 210 แห่ง เบทาโกรเดลี 37 แห่ง Own channel 96 แห่ง และเครือข่ายดิสทริบิวเตอร์ 700-800 แห่ง ตลอดจนโมเดิร์นเทรดโลตัส บิ๊กซี วิลล่ามาร์เก็ต ตลาดสด และการส่งออกต่างประเทศ”

โดยเบทาโกรมีเป้าหมายสำคัญในการเป็น World Branded Company สร้างตราสินค้าบริษัทสู่ระดับโกลบอล เริ่มจากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะกัมพูชาและ สปป.ลาว ที่เบทาโกรเปิดเกมรุกอย่างเต็มกำลัง ในการทำตลาดสร้างแบรนด์ดิ้งให้แข็งแกร่ง ด้วยบริษัทเป็นเจ้าตลาดเบอร์ต้นของทั้ง 2 ประเทศนี้ วางไดเรคชั่นคล้ายการทำตลาดในไทย ตั้งแต่เข้าไปทำลงทุนสร้างโรงงานแปรรูปอาหาร และสร้างดิสทริบิวชั่นในเมืองเสียมเรียบ รองรับการเติบโต

วสิษฐ กล่าวว่า การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เช่น เบทาโกรส่งออกเนื้อไก่ไปยุโรป เป็นการส่งออกแบบไม่มีแบรนด์ มูลค่าจะน้อยกว่า แต่หากส่งออกในนามแบรนด์ของตนเองจะเพิ่มมูลค่าได้ดีขึ้น ทำให้เบทาโกรตั้งใจพัฒนาสินค้า ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา ในอนาคตจะมีการปรับพอร์ตเพิ่มสินค้าพรีเมียมมากขึ้น

ปัจจุบันพอร์ตสินค้าเบทาโกร แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

1.กลุ่มพรีเมียม : หมวดเกษตร etagro พี-แลค B-Lac, หมวดอาหาร เอสเพียว ITOHAM, หมวดสัตว์เลี้ยง Perfecta

2.กลุ่มแมส : หมวดเกษตร บาลานซ์ FARM, หมวดอาหาร เบทาโกร, หมวดสัตว์เลี้ยง Dog n joy และ Cat n joy

3.กลุ่มไฟท์ติ้ง : หมวดเกษตร มาสเตอร์ Amina, หมวดอาหาร กระต๊าก บีวัน บี-ฟู้ดส์, หมวดสัตว์เลี้ยง Bingo star

ทั้งนี้ จากเป้าหมายการเติบโตยั่งยืนให้ระดับโกลบอล นอกจากยกระดับการผลิตอาหาร นำเทคโนโลยีเสริมคุณภาพระดับสากลแล้ว ทำให้เบทาโกรตัดสินใจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯโดยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 500 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 40 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 20,000 ล้านบาท

สำหรับเงินลงทุนเบทาโกรมีวัตถุประสงค์นำไปใช้ดังนี้

1.การเข้าซื้อ และ/หรือฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท

2.การปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้น และ/หรือระยะยาวให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960-10,500 ล้านบาท

3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน ไม่เกิน 1,021 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภายหลังการระดมทุนจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในเบทาโกรเปลี่ยนแปลง จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,500 ล้านหุ้น โดยตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในสัดส่วน 85% และอื่น ๆ อีก 15% มาเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,000 ล้านหุ้น สัดส่วนการถือหุ้นของตระกูลลดเหลือ 64-65% ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการทรานส์ฟอร์มองค์กรให้มีความเป็นสถาบันมากกว่าธุรกิจครอบครัว แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> บสย. ช่วย SMEs ทีได้รับผลกระทบน้ำท่วม 25 จังหวัด พักค่าธรรมเนียม-ค่างวด นาน 6 เดือน

 

บสย. ช่วย SMEs ทีได้รับผลกระทบน้ำท่วม 25 จังหวัด พักค่าธรรมเนียม-ค่างวด นาน 6 เดือน

บสย. ออกมาตรการช่วย SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประคับประคองธุรกิจ SMEs กลุ่มเปราะบาง

 

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ บสย. มีมติเร่งด่วนอนุมัติมาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อ – ค่าจัดการค้ำประกันสินเชื่อ และ อนุมัติมาตรการช่วยลูกหนี้ ที่เข้าโครงการประนอมหนี้กับ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ 25 จังหวัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการ SMEs สำหรับลูกค้าและลูกหนี้ค้ำประกันสินเชื่อ บสย. พร้อมให้ติดตามให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มีผลวันนี้ ดังนี้

 

1.กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs ที่ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2565 และถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกัน (ถ้ามี) ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.-30 พ.ย. 65 (หนังสือค้ำประกันสินเชื่อ ลงวันที่ 6 ต.ค.-30 พ.ย. 65) โดยสามารถพักชำระออกไปอีก 6 เดือนนับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมเดิม โดยเป็นลูกค้าที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 25 จังหวัดที่ประสบอุทกภัยตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศ ณ วันที่ 3 ต.ค. 65 หรือที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้มีการประกาศเพิ่มเติมต่อไป แต่หากลูกค้า SMEs รายใดไม่ประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการนี้ ยังคงชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกัน (ถ้ามี) ให้แก่ บสย. ได้ตามปกติ

2. สำหรับกลุ่มลูกหนี้ ที่ประนอมหนี้กับ บสย. ที่ค้างชำระไม่เกิน 3 งวด (ณ วันที่อนุมัติ) และได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ 25 จังหวัด ได้พักชำระค่างวด นานสูงสุด 6 เดือน โดยเริ่มงวดแรกในเดือนที่อนุมัติ แต่ไม่เกินเดือนธันวาคม 2565 ลูกหนี้ บสย. สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย. 65

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs สามารถแจ้งความประสงค์และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บสย. Call Center 02-890-9999

ข่าวธุรกิจเพิ่มเติม คลิ๊ก ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ล่าสุด เช็กสิทธิบัตรคนจน ถ้าไม่ผ่านติดต่อได้ที่ไหน

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ล่าสุด เช็กสิทธิบัตรคนจน ถ้าไม่ผ่านติดต่อได้ที่ไหน

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่ หรือบัตรคนจน

รวบรวมเบอร์ติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติบัตรคนจน กรณีลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติกระทรวงการคลัง เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.-19 ก.ย. 65 และหน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่ทั่วประเทศ

ข่าวบัตรสวัสดิการรัฐ

คุณสมบัติลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่หลักการลงทะเบียนรายบุคคล (ผู้ลงทะเบียน) และตรวจสอบรายบุคคล และครอบครัว (ครอบครัว คือ คู่สมรส และบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ตามข้อมูลของกรมการปกครอง)

หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติ กรณีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565

  • กรมบัญชีกลาง : Call Center 0 2270 6400 กด 6
  • กรมสรรพากร : ติดต่อสำนักงานสรรพากรในพื้นที่ที่มีภูมิลำเนาอยู่
  • กรมการปกครอง : สามารถติดต่อตรวจสอบข้อมูลได้ที่ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตพื้นที่
  • กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น : กลุ่มงานส่งเสริมการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น โทร 089 969 2553 และ 065 716 7596
  • กรุงเทพมหานคร : (รอการยืนยัน)
  • เมืองพัทยา : กองการเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา โทร. 0 3825 3100 ต่อ 4124
  • กรมที่ดิน : Call Center 0 2141 5555
  • สำนักงานประกันสังคม : ติดต่อสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ โทร. 0 2940 7038
  • สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สปก. โทร. 0 2280 3911
  • การยางแห่งประเทศไทย : ฝ่ายพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร กองทะเบียน โทร. 0 2433 2222 ต่อ 243
  • สำนักงานคณะกรรมการอ้อย และน้ำตาลทราย : โทร. 0 2430 6814 ต่อ 4830 หรือ 3824 หรือ 3825
  • กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ : ศูนย์ข้อมูลคนพิการ และเทคโนโลยีสารสนเทศ โทร. 0 2354 3388 ต่อ 311, 313
  • กรมราชทัณฑ์ : Call Center 0 2967 2222 หรือศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กองยุทธศาสตร์ และแผนงาน โทร. 0 2967 3583
  • กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ :
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งสันมหาพน โทร. 0 5304 7337
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งวังทอง โทร. 0 5500 9759
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทับกวาง โทร. 0 3635 7320
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี โทร. 0 2577 1312
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี โทร. 0 2577 1148
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกุมสะแก โทร. 0 3242 5416
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งนนทบุรี โทร. 0 2583 0044
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3260 0829
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตา โทร. 0 4492 2666
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งภาคใต้ โทร. 0 7537 6226
    • สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ โทร. 0 4582 6421
  • กรมกิจการเด็กและเยาวชน : โทร. 086 979 5611 หรือ 098 285 5354
  • กรมกิจการผู้สูงอายุ : โทร. 0 2642 4354 หรือ 0 2642 4356 ต่อ 107
  • กรมควบคุมโรค : Call Center 0 2385 9135 – 7
  • กรมหม่อนไหม : Call Center 2175 หรือ โทร. 0 2558 7924 – 6
  • การท่าเรือแห่งประเทศไทย : Call Center 0 2269 3000
  • การรถไฟแห่งประเทศไทย : ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2220 4603
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย : Call Center 1213 หรือ โทร. 0 2283 5900 (จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น.)
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) : Call Center 0 2111 1111 หรือติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารออมสิน : ติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารออมสินในพื้นที่ หรือสาขาที่เป็นหน่วยงานรับลงทะเบียนของธนาคารออมสิน
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร : Call center 0 2555 0555
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย : โทร. 0 2650 6999 ต่อ 6318
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ : Call Center 0 2645 9000
  • บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด : ใช้ช่องทางการติดต่อหน้าเว็บไซต์ โทร. 0 2645 9000
  • ธนาคารกรุงเทพ : Call Center 1333 หรือ 0 2645 5555
  • ธนาคารกสิกรไทย : ติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารกสิกรไทยในพื้นที่
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต : ติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารทหารไทยธนชาตในพื้นที่
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ : Call Center 0 2777 7777
  • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย : Call Center 0 2626 7777
  • ธนาคารยูโอบี : Call Center 0 2285 1555
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา : Call Center 1572
  • ธนาคารทิสโก้ : Contact Center 0 2080 6000 หรือ 0 2633 6000 กด 2
  • ธนาคารเกียรตินาคิน : โทร. 0 2495 1636
  • ธนาคารไอซีบีซี : Call Center 0 2629 5588
  • ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย : Call Center 0 2697 5454
  • ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : ฝ่ายธุรกรรมเงินฝาก (Funding Department) โทร 0 2626 2300 ต่อ 2332
  • บริษัทเงินทุน แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน)  ฝ่ายธุรกรรมเงินฝาก (Funding Department) โทร. 0 2626 2300 ต่อ 2332  อัพเดทข่าว ธุรกิจ คลิ๊ก tigerbetball888.com